เรียน ท่านผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

บริษัทสามารถสร้างกำไรสุทธิที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 2,436 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12

โดยเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของบริษัท ซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่พิงแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซึ่งมีภาวะผันผวน ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการลงทุนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในปี 2565 เศรษฐกิจทั้งภาครัฐและเอกชนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 มีแนวโน้มขึ้นดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ แต่ในขณะเดียวกัน ปัจจัยใหม่ทางด้าน ภูมิรัฐศาสตร์ และการดำเนินนโยบายทางการเงินของประเทศต่างๆ สร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจโลก และส่งผลให้ราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ถึงกระนั้นก็ตาม บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างกำไรสุทธิที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 2,436 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 2,179 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำของบริษัท ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียนไม่พึ่งพิงแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งมีภาวะผันผวน ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้ในสภาวะที่ราคาพลังงานมีความผันผวน

ด้วยเป้าหมายการเติบโต ด้านการลงทุนและพัฒนาพลังงานสะอาดและการวางรากฐานความมั่นคงทางพลังงาน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ประเด็นเรื่องความยั่งยืนจึงถูกตั้งให้เป็นพันธกิจหลักและวัฒนธรรมองค์กรที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดย CKPower มีเป้าหมายจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุต พริ้นท์องค์กรที่ต่ำที่สุดรายหนึ่งของภูมิภาค บริษัทได้รับรางวัล ASEAN CG Scorecard (ACGS) ประเภท ASEAN Asset Class ซึ่งเป็นรางวัลในระดับอาเซียน เป็นบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้คะแนนประเมินเฉลี่ยในอาเซียนตั้งแต่ 97.50 คะแนนขึ้นไป รางวัลดังกล่าวสนับสนุนโดย ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เพื่อยกย่องและประกาศเกียรติคุณให้แก่บริษัทจดทะเบียนในอาเซียนที่ดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการเปิดเผยข้อมูลทางด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามมาตรฐานเกณฑ์การลงทุนในระดับสากล สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ CKPower ในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างสมดุลให้กับโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

ด้านผลประกอบการ โดยรวม กำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2564 เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่สูงกว่าปี 2564 อย่างมีสาระสำคัญ ทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่มั่นคงสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.59 เท่า ขณะเดียวกัน มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่โรงไฟฟ้าของบริษัททำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สะท้อนแนวทางการบริหารงานของบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งเป็นบริษัทร่วม CKPower ได้ออก Green Bond ในไทยครั้งแรกจำนวน 8.4 พันล้านบาท โดยเป็นยอด Greenshoe ถึง 3.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการออกภายใต้ Green Bond Framework ที่ได้ผ่านการสอบทานโดยองค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำของโลก DNV ในฐานะผู้สอบทานอิสระ (Independent External Reviewer) ว่าเป็นไปตามมาตรฐาน Green Bond Principles 2021, Green Loan Principles 2021 และ ASEAN Green Bond Standards 2018 รับรองด้วยรางวัล Best Green Bond Hydropower Plant Framework จากเวที International Finance Award 2022 ยืนยันถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี

ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD Supporter) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ สอดคล้องกับนโยบายและการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยกำหนดให้มีระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อเป็นการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้มีส่วนได้เสีย ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานของบริษัท และเพื่อให้ระบบสารสนเทศอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ด้านการสร้างความยั่งยืน บริษัทนำประเด็นสำคัญขององค์กร จัดทำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรในการเป็น “บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน” ควบคู่กับการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในชุมชนและสังคม กรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนของบริษัทมี 3 กลยุทธ์หลัก “C-K-P” ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม (C – Clean Electricity) มิติสังคม (K – Kind Neighbor) และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (P – Partnership for Life) พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายและกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในการดำเนินงาน และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2565-2569)

การดำเนินงานของบริษัท ที่ให้ความสำคัญในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า สอดรับกับเป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNSDGs) มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับ นับได้ว่าเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจอีกปีของบริษัทที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากทั้งในและต่างประเทศ

CKPower เป็นบริษัทเดียวในกลุ่มพลังงานที่คัดเลือกให้อยู่ใน ESG Emerging List จากสถาบันไทยพัฒน์ อีกทั้งได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยได้ผลคะแนนในระดับ AAA ได้รับรางวัลรางวัล SET Awards 2022 กลุ่ม Sustainability Excellence ประเภท Rising Star เป็นปีแรก และได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD)

นอกจากนี้ในแง่การพัฒนานวัตกรรมลดการใช้พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจก ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กรภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อสนับสนุนนโยบายของประเทศไทยและเป้าหมายของประชาคมโลกภายใต้ความตกลงปารีส CKPower ได้รับรางวัล Asian Power Awards ปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สาขาผู้พัฒนานวัตกรรมการเทคโนโลยีพลังงานแห่งปี (Innovative Power Technology of the Year) จากการคิดค้นโครงการนวัตกรรมต่างๆ ของพนักงานที่ช่วย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังได้รับประกาศนียบัตรการผ่านเกณฑ์ประเมินเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก

สำหรับด้านการดูแลสังคม บริษัทได้รับรางวัลชนะเลิศด้าน Social Empowerment จากเวที Asia Responsible Enterprise Awards 2022 องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย และจากโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ได้รับรางวัล CSR-DIW Award 2022 จัดโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้รับรางวัลเป็นปีแรก ในฐานะเป็นองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงต่อเนื่องในระยะยาว ตลอดจนการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

รางวัลทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนอีกก้าวแห่งความสำเร็จ ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงกล่าวได้ว่าในปีที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายและมีความก้าวหน้าในมิติที่สำคัญในเชิง กลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นด้านการเติบโต (Growth) การสร้างผลกำไร (Profitability) และการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งล้วนแต่เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและ ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในระยะยาว

ในนามคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ผมขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน พันธมิตร และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคอาเซียน ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนด้วยการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน และรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนา ไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ จากความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักการกำกับดูแลที่ดี บริษัทจะดำเนินธุรกิจด้วยความชื่อสัตย์ โปร่งใส ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมผลักดันให้ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่าง มั่นคงและยั่งยืน

ดร. ทนง พิทยะ

ประธานกรรมการบริษัท