ความท้าทาย

อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นภาคส่วนหลักที่ถูกจับตา ในด้านการก่อให้เกิดภาวะโลกรวน อย่างไรก็ดี บริษัทได้มุ่งเน้นธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นหลักเพื่อยังสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ และยังเป็นการบรรเทาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมระดับมหภาคไปพร้อมกัน รวมถึงสังคมในระดับสากลได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติกันมากขึ้น
จึงส่งผลให้บริษัทต้องออกแบบกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับกระแสดังกล่าว เพื่อรองรับแนวทางการบริหารธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี อีกทั้งการปรับตัวให้สามารถดำเนินการธุรกิจได้อย่างราบรื่นภายใต้ข้อกำหนดกฎหมายต่าง ๆ ที่หน่วยงานกำกับดูแลจะมีการปรับปรุงให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่บริษัทจะต้องพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม พัฒนาศักยภาพของพนักงาน และเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

แนวทางการปฏิบัติงาน

บริษัทมีวิสัยทัศน์จะมุ่งเน้นที่การลงทุนหลักในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนซึ่งนับเป็นสัดส่วนกำลังการผลิต 89% ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ แม้ว่าบริษัทจะยังมีระบบโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าควบคู่กับการผลิตไอน้ำ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง อยู่ในระยะเวลาสัมปทาน แต่บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนากระบวนการผลิตที่ลดการเกิดมลภาวะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทมุ่งเน้นที่การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ใด้น้อยที่สุด และพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด มุ่งสู่มาตรฐานสากล และพยายามถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ สู่พนักงานรวมถึงผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กรต่อไป

แนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัท

01 มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน

02 บริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้น้อยที่สุด

03 พัฒนาองค์กรความรู้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและมุ่งสู่มาตรฐานสากล

04 สร้างองค์ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาและการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนในชุมชน

บริษัทได้จัดทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แนวปฎิบัติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดภายในโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัท ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนรอบโรงไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน โดยโรงไฟฟ้าของบริษัทได้การรับรองมาตรฐานสากลด้านระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2015 อีกทั้งโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทได้รับการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องภายใต้ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ การบรรเทาและป้องกันการเกิดผลกระทบ และการเยียวยาแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น ทุกโรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับความเห็นชอบให้สามารถดำเนินกิจการจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และบริษัทได้รายงานผลการดำเนินงานตามที่ได้ระบุไว้ในมาตรการป้องกันแก้ไขสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม

นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

ดูเนื้อหาเพิ่มเติม

แนวปฏิบัติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

ดูเนื้อหาเพิ่มเติม

เป้าหมายระยะยาว
เป้าหมายระยะสั้น

การดำเนินงาน

บริษัทตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจการผลิตไฟฟ้าอย่างยั่งยืน จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยบริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะน้อยและใช้ทรัพยากรการผลิตอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การจัดการข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่ปฎิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนร่วมกับชุมชน และผู้มีส่วนได้เสียอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทได้มีการจัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ดำเนินการในการรับฟังความคิดเห็นในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบติดตามด้านสิ่งแวดล้อมประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและตัวแทนจากชุมชนเพื่อสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท

การดำเนินงานจนถึงปี 2565 บริษัทและบริษัทในเครือไม่มีข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมจากชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าและผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ได้รับการจัดการ รวมทั้งไม่มีการละเมิดกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด และไม่มีเงินค่าปรับเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565
จำนวนข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อม (กรณี) 0 0 0 0
จำนวนข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว (กรณี) 0 0 0 0
การละเมิดกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม (กรณี) 0 0 0 0
เงินค่าปรับเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม (บาท) 0 0 0 0
เงินค่าปรับเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะต้องเสียภายในสิ้นปี (บาท) 0 0 0 0

การจัดการทรัพยากรน้ำ

ทรัพยากรน้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อกระบวนการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยบริษัทมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำมากกว่าร้อยละ 80 จากการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้น การจัดการน้ำของบริษัทจึงคำนึงตั้งแต่การเฝ้าระวังแหล่งน้ำเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำ การลดการใช้น้ำ การใช้น้ำเท่าที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพน้ำที่ปล่อยออกของทุกอาคารและพื้นที่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

กระบวนการติดตามสถานการณ์น้ำ

บริษัทได้จัดให้มีกระบวนการติดตามสถานการณ์ของแหล่งน้ำต้นทางที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตของแต่ละโรงไฟฟ้า โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านการขาดแคลนน้ำในแต่ละพื้นที่ โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการขาดแคลนน้ำโดยใช้เครื่องมือ AQUEDUCT Water Risk Atlas พัฒนาโดยสถาบันทรัพยากรโลก World Resources Institute (WRI) เพื่อระบุพื้นที่ที่มีความตึงเครียดด้านน้ำเป็นประจำทุกปี และวางมาตรการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีการประเมินและจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งการศึกษาผลกระทบต่อการผลิตและการอุปโภคบริโภคของชุมชนในพื้นที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถิ่นในการอนุรักษ์น้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กำหนดมาตรการวิธีป้องกัน บรรเทาผลกระทบ และกำหนดเป้าหมายในการจัดการทรัพยากรน้ำ การควบคุมคุณภาพน้ำปล่อยออกสู่ภายนอกให้มีคุณภาพตามข้อกำหนดทางกฎหมาย รวมถึงมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ และ การพัฒนานวัตกรรมในกระบวนการผลิตไฟฟ้าให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจึงมีแหล่งน้ำจากระบบการประปาของนิคมอุตสาหกรรมและมีบริษัทผู้รับเหมารับผิดชอบในการบำบัดน้ำก่อนปล่อยออก บริษัทได้กำหนดคุณภาพของน้ำปล่อยออกให้มีคุณภาพตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานคุณภาพน้ำของการนิคมอุตสาหกรรม
  • โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ใช้น้ำจากแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน เพื่อการอุปโภคและบริโภคของพนักงาน และหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ภายในโรงไฟฟ้าก่อนปล่อยออก และมีการควบคุมคุณภาพของน้ำปล่อยออกให้มีคุณภาพตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ใช้น้ำจากแหล่งน้ำระบบประปา จากแหล่งน้ำผิวดินหมุนเวียนใช้ประโยชน์ภายในโรงไฟฟ้า และมีการควบคุมคุณภาพของน้ำปล่อยออกให้มีคุณภาพตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
ผลการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ
ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 เป้าหมายปี 2565
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้หรือการดึงน้ำจากแหล่งขาดแคลน (ล้านลิตร) 0 0 0 0 0
ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 เป้าหมายปี 2565
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้หรือการดึงน้ำทั้งหมด (ล้านลิตร) 2,033.15 1,910.00 1,722.86 10,621.261 11,155.00
ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 เป้าหมายปี 2565
ปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด (ล้านลิตร) 1,625.34 1,528.56 1,378.30 1,579.30 1,660.00

หมายเหตุ: 1บริษัทได้ขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลตัวชี้วัดด้านน้ำให้ครอบคลุมโรงไฟฟ้าไชยะบุรี โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และสำนักงานใหญ่ของบริษัทในปี 2565 เป็นปีแรก

โครงการปรับเปลี่ยนค่าควบคุม Chloride ของหอหล่อเย็น เป็นหนึ่งในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและลดการสูญเสีย โดยการนำน้ำก่อนปล่อยออกกลับมาใช้ประโยชน์ การดำเนินงานในปี 2565 ช่วยลดปริมาณน้ำทิ้งจากระบบหอหล่อเย็นและลดปริมาณน้ำที่เติมเข้าสู่ระบบมากกว่า 54,350 ลูกบาศก์เมตร หรือ 54.35 ล้านลิตร รวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 2.7 ล้านบาท/ปี

บริษัทจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เกิดการลดการใช้น้ำภายในสำนักงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนได้มีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า การดำเนินงานปี 2565 สามารถลดปริมาณการใช้น้ำภายในสำนักงานคิดเป็นปริมาณ 220,000 ลิตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา และสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เป็นมูลค่า 5,598.25 บาท

การจัดการของเสีย

บริษัทตระหนักถึงผลกระทบทั้งในทางตรงและทางอ้อมที่สามารถเกิดขึ้นจากการจัดการของเสียทั่วไป และของเสียอันตรายที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นในการลดการเกิดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ผ่านระเบียบปฏิบัติสำหรับการจัดการขยะ และของเสียที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมของบริษัททั้งในส่วนสำนักงานและโรงไฟฟ้าทุกแห่ง เพื่อให้มั่นใจว่าปริมาณการใช้ทรัพยากรและของเสียจะลดลงจากนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และจัดการของเสียปลายทางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามแนวทางการจัดการของเสียประเภทต่าง ๆ รวมถึงเป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีการอบรมให้ความรู้พนักงานในการบริหารจัดการขยะให้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ผลการดำเนินงานด้านการจัดการของเสีย
ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 เป้าหมายปี 2565
ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งหมด (เมตริกตัน) 42.70 95.96 130.86 136.16 150
ปริมาณขยะทั่วไปที่เกิดขึ้นทั้งหมด (เมตริกตัน) 14.82 87.16 114.11 120.53 130
ปริมาณขยะอันตรายที่เกิดขึ้นทั้งหมด (เมตริกตัน) 27.88 8.80 16.75 15.62 20

หมายเหตุ: บริษัทได้ขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลตัวชี้วัดด้านขยะให้ครอบคลุมสำนักงานใหญ่ของบริษัทในปี 2565 เป็นปีแรก

บริษัทร่วมกับภาคเครือข่ายมูลมิธิโกลารส์ ออฟ ซัส ทีแนนซ์ และบริษัทกรีนทูเก็ต จำกัด จัดโครงการ Grow Green Hero เพื่อให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการขยะแก่พนักงานในองค์กร อาทิ ปัญหาขยะ การจัดการขยะอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ และแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ เพื่อต่อยอดเป็นโครงการและกิจกรรมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดขยะที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

โดยในกิจกรรมได้สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเพื่อจัดการขยะอย่างถูกวิธี เรียกว่า “Grow Green Hero” โดยพนักงานแบ่งกลุ่มร่วมกันคิด ร่วมกันพัฒนาโครงการที่จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการขยะในองค์กรของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม และจัดการประกวดการนำเสนอโครงการ (Ideation Workshop) ซึ่งผู้ชนะการประกวดได้รับงบประมาณไปพัฒนาโครงการที่เป็นรูปธรรมต่อเนื่องในปี 2566

ทั้งนี้ในปี 2565 สามารถสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง “Grow Green Hero” จำนวน 23 คน ที่จะขับเคลื่อนโครงการจัดการขยะภายในหน่วยงานและองค์กรต่อไป

บริษัทจัดทำโครงการถังขยะแยกประเภท เพื่อคัดแยกขยะภายในสำนักงานให้ถูกประเภท รวมถึงสามารถนำขยะแต่ละประเภทเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล/กำจัดอย่างถูกวิธี และนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ โดยดำเนินการจัดทำถังขยะแยกประเภทวางบริเวณจุดต่าง ๆ ภายในสำนักงาน แบ่งประเภทขยะไว้ 6 ประเภท คือ

และทำการบันทึกน้ำหนักขยะแต่ละประเภทเพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบการลดปริมาณขยะในอนาคต รวมถึงปลูกฝังให้พนักงานรู้จักการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ทั้งนี้ ได้มีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องของประเภท การคัดแยกขยะที่ถูกต้องให้กับพนักงานและผู้บริหาร โดยการจัดกิจกรรมอบรม เรื่อง "ทิ้งขยะให้ถูกถัง เพิ่มพลังรักษ์โลก" พร้อมทั้งได้มีการเผยแพร่เอกสารอบรมผ่านทาง Mobile Application: CKPower Academyโดยในปี 2565 พนักงานสามารถแยกขยะและนำไปสู่การจัดการกำจัดขยะที่ถูกวิธี รวมถึงสามารถนำขยะไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ต่อไป

บริษัทได้จัดทำโครงการ “Paper-X” เพื่อลดปริมาณขยะ และนำขยะประเภทกระดาษมารีไซเคิลและใช้ใหม่ให้เกิดคุณค่าสูงสุด มีเป้าหมายในการรวบรวมกระดาษที่ไม่ใช้แล้วถึง 1,000 กิโลกรัม โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมคัดแยกกระดาษอย่างถูกวิธี ซึ่งโครงการนี้จะแบ่งกระดาษออกเป็น 3 ประเภท คือ

1) กระดาษขาว

2) กระดาษลัง/กระดาษนํ้าตาล

3) กระดาษอื่น ๆ

เพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกระดาษอย่างถูกวิธี และนำไปผลิตเป็นกระดาษใหม่ ก่อนที่จะถูกนำไปแจกจ่ายให้แก่ โรงเรียนรอบโรงไฟฟ้า ซึ่งผลจากโครงการนี้คือ พนักงานตระหนักรู้ถึงวิธีการแยกขยะประเภทกระดาษ สามารถคัดแยกกระดาษที่ไม่ใช้งานแล้วได้ถูกประเภท ลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตกระดาษ และยังสามารถนำกระดาษที่แยกได้มาสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับนักเรียนที่อยู่ในบริเวณรอบโรงไฟฟ้า

ในปี 2565 บริษัทสามารถจัดส่งกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้วเข้ากระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีจำนวน 2.02 ตัน และสามารถนำกลับมาผลิตเป็นกระดาษใหม่ได้จำนวน 30 รีม เพื่อนำส่งมอบให้กับโรงเรียนรอบ ๆ โรงไฟฟ้า ได้แก่ โรงเรียนบางปะอิน โรงเรียนวัดเปรมปรีชา โรงเรียนชุมชนวัดกำแพง โรงเรียนบ้านพลับ โรงเรียนเจ้าฟ้าสร้าง และโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตกระดาษขาว ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการใช้กระดาษขาวเป็นมูลค่า 2,700 บาท ลดการตัดต้นไม้ 1.26 ตัน ลดการใช้น้ำ 519.17 ลิตร ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 28.18 ลิตร และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 296.67 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

บริษัทได้จัดทำโครงการคิดก่อน Print เพื่อส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรตระหนักถึงความจำเป็นก่อนการใช้ทรัพยากร และเพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการช่วยกันประหยัด การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยลดการพิมพ์เอกสารสีที่ไม่จำเป็น รวมถึงการปรับเปลี่ยนจากการใช้เอกสารซึ่งต้องพิมพ์ออกมาบนกระดาษ (hard copy) เป็นการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-documents) โดยในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบในการดำเนินงาน อาทิ มาตรฐานบัญชี เป็นต้น ในปี 2565 บริษัทสามารถลดการพิมพ์สีเฉลี่ยต่อคนลดลง ร้อยละ 42.27 เมื่อเทียบในช่วงที่ดำเนินโครงการกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเป้าหมายในการลดการพิมพ์เอกสารสีร้อยละ 35 ต่อคน

โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอ์เรชั่น ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบฉีดน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพและพอเหมาะกับปริมาณความต้องการใช้ จึงทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันหล่อลื่นลดลงและลดปริมาณของเสียอันตรายที่เกิดจากน้ำมันใช้แล้วอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2565 โรงไฟฟ้าสามารถลดปริมาณใช้น้ำมันหล่อลื่นและของเสียอันตราย ประมาณ 8,151 ลิตร/ปี ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อน้ำมันหล่อลื่นและค่ากำจัดน้ำมันใช้แล้ว ประมาณ 125,460 บาท/ปี

บริษัทได้จัดทำโครงการ “ขวดแลกสุข” เพื่อสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี โดยการให้ความรู้กับพนักงานเกี่ยวกับขยะพลาสติกแต่ละประเภท และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างพนักงานในการลดขยะพลาสติก โดยการรวบรวมขวดพลาสติกเหลือใช้ เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชนวัดจากแดง นอกจากเป็นการลดของเสีย และยังสามารถเพิ่มมูลค่าขวดพลาสติกเพื่อสร้างรายได้และส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชน อีกทั้ง บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์จากชุมชนวัดจากแดงส่งมอบให้กับเด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ คนในชุมชนรอบพื้นโรงไฟฟ้าผ่านกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและการดำเนินโครงการสร้างคุณค่าสู่สังคม ในปี 2565 บริษัทสามารถเก็บรวบรวมขวดพลาสติกได้ 1,193.2052 กิโลกรัม หรือ 41,0452 ขวด โดยส่วนหนึ่งบริษัทนำไปผลิตเป็นถุงผ้าสำหรับบรรจุสิ่งของยังชีพให้กับผู้ประสบภัยและเด็กนักเรียนจำนวน 500 ชิ้น และสามารถเพิ่มรายได้และสร้างอาชีพให้แก่ชุมชนวัดจากแดง ได้ถึง 25,000 บาท

โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี จัดทำโครงการ “ผลิตวัสดุปรับปรุงคุณภาพดินจากของเสียชีวภาพ” เพื่อนำของเสียอินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายได้ อาทิ เศษอาหาร เปลือกผลไม้ จากการแยกขยะในโรงครัวและโรงอาหารพนักงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านกระบวนการย่อยสลายทางธรรมชาติจนออกมาเป็นวัสดุปรับปรุงคุณภาพดินใช้ในการเพาะปลูกพืชผักสวนครัวในบริเวณพื้นที่โครงการและที่พักอาศัยของพนักงาน เพื่อลดปริมาณการกำจัดของเสีย และนำของเสียไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการเปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เพื่อกำจัดของเสีย

โดยในปี 2565 บริษัทสามารถผลิตวัสดุปรับปรุงคุณภาพดินได้จำนวน 526 กิโลกรัม สามารถลดปริมาณการกำจัดของเสียทั่วไปที่ 9.20 ตัน นอกจากนี้ พนักงานของโรงไฟฟ้ายังได้รับประโยชน์จากการบริโภคพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ รวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดซื้อวัตถุดิบในการปรุงอาหารในโรงไฟฟ้าและในครัวเรือนของพนักงานอีกด้วย

การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในการควบคุมปริมาณการปล่อยมลสารทางอากาศ

การผลิตไฟฟ้ากว่าร้อยละ 80 ของบริษัทได้มาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและไม่มีการปล่อยมลสารทางอากาศ อย่างไรก็ตาม สำหรับการโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่นเป็นโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม (Combined-Cycle Power Plant) ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง จากกระบวนการเผาไหม้ของเครื่องกังหันก๊าซ( Gas turbine) ซึ่งการเผาไหม้จะทำให้เกิด NOx บริษัทจึงเลือก Gas turbine ที่มีเทคโนโลยีการเผาไหม้แบบ Dry Low NOx Burner (DLE) โดยสามารถควบคุมออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไม่เกิน 25 PPM โดยการควบคุมอุณหภูมิสูงสุดของเปลวไฟ ด้วยวิธีการควบคุมเชื้อเพลิงให้ผสมกับอากาศก่อนที่จะเข้าสู่การเผาไหม้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีของ Gas turbine ยังสามารถประหยัดเชื้อเพลิงเพราะมีประสิทธิภาพสูง

บริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ (Continuous Emission Monitor System: CEMs) เพื่อเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพอากาศที่บริเวณปล่องระบายอากาศ สามารถแสดงผลการตรวจวัดแบบต่อเนื่อง และสามารถประมวลผลได้อย่างทันที (Real-time) อีกทั้ง บริษัทได้การเปิดเผยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศในการรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง โดยในปี 2565 บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพอากาศของโรงไฟฟ้าอยู่ในระดับที่ดีกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดทั้งหมด

ผลการดำเนินงานด้านการควบคุมปริมาณการปล่อยมลสารทางอากาศ
ตัวชี้วัด ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 เป้าหมายปี 2565
ปริมาณการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) (เมตริกตัน) 600.64 597.77 598.91 636.07 750
ปริมาณการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOx) (เมตริกตัน) 18.56 17.26 24.40 34.19 231
ปริมาณการปล่อยฝุ่นละออง (Particulate Matter:PM) (เมตริกตัน) 25.83 21.89 33.91 28.98 88

หมายเหตุ: บริษัทมีการปล่อยมลสารทางอากาศ เฉพาะโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เท่านั้น